มีคำถามว่า...ทำไมศาสนาทั้งหลายสอนไม่เหมือนกัน มีความเชื่อไม่เหมือนกันและปฏิบัติไม่เหมือน กัน
ที่จริงแล้วความจริงและความบริสุทธิ์สูงสุดมีเพียงหนึ่งเดียว แต่ที่ศาสนาทั้งหลายสอนต่างกัน เพราะศาสดาของแต่ละศาสนาเข้าถึงความจริงได้ ไม่เท่ากัน ถ้าสมมติว่าความจริงสูงสุดคือช้าง ศาสดาที่จับถูกหางก็บอกว่า “หางนี่แหละคือช้าง” ศาสดาที่จับถูกงวงก็บอกว่า“งวงนี่แหละคือช้าง” ศาสดา ที่จับถูกหูก็บอกว่า“หูนี่แหละคือช้าง” ศาสดาที่คลำทั่วทั้งตัวก็บอกว่า“ทั้งตัวนี่ แหละคือช้าง”
(อ้างอิง..คัมภีร์พระไตรปิฎก เล่ม25 หน้า292)
ถามว่า...คำสอนของศาสดาทั้งหมด กล่าวถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบ.. ศาสดาทุกท่านกล่าวถูกหมด ไม่มีใครกล่าวผิดแม้แต่ท่านเดียว เพราะหูก็คือช้าง งวงก็คือช้าง หางก็คือช้าง เพียงแต่ศาสดาบางท่านรู้บางส่วน แต่หลงเข้าใจผิดว่าสิ่งที่ตนรู้คือทั้งหมดของตัวช้าง
วิเคราะห์ศาสนาคริสต์ด้วยหลักของพุทธศาสนา
ศาสนาคริสต์สอนให้ฝังดิ่งศรัทธาลงในพระผู้เป็นเจ้า โดยปราศจากข้อ สงสัย สอนให้ทำความดีมีความสุขกับการช่วยเหลือผู้อื่น ปฏิบัติตามที่พระเจ้าปรารถนา เมื่อตายแล้วจะได้รับชีวิตนิรันดรในในดินแดนสวรรค์ของพระเจ้า
พระเจ้าคือผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างและกฏเกณฑ์ต่างๆ ฉะนั้นพระเจ้าของศาสนาคริสต์ ก็คือ สิ่งที่พุทธศาสนาเรียกว่า“พระธรรม” หรือ “ธรรมชาติ” เพราะธรรมชาติ คือทุกสิ่งทุกอย่าง มีกฏเกณฑ์ในตัวเอง
“ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์และสัตว์” ฉะนั้น พระเจ้าก็คือสิ่งที่พุทธศาสนา เรียกว่า “อวิชชา(ความไม่รู้ความจริง)”นั่นเอง ..อวิชชาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
(*จากหนังสือ ..ปัญหาเกี่ยวกับ พระผู้เป็นเจ้า กรรม อนัตตา โดย พุทธทาสภิกฺขุ )
“ผู้ที่ทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้นจึงจะได้ไปอยู่สวรรค์กับพระเจ้า” ตรง กับหลักคำสอนของพุทธศาสนาว่า “ ผู้ที่ทำบุญกุศลไว้มาก ขณะที่ตายมีจิตผ่องใส เมื่อตายแล้วจะได้ไป เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์”
ต่างกันแต่..พุทธศาสนาสอนต่อไปอีกว่า เมื่อเสวยผลบุญในสวรรค์หมดแล้วก็ต้องกลับมาเกิดเป็นคนอีก.....ซึ่งเรื่องนี้ ศาสนาอื่น ๆ ยังรู้ไปไม่ถึง
เราเกิดมาชาติเดียวครับ ถ้าตายบนแผ่นดินโลกคือจบไม่ได้กลับมาเกิดอีก แต่ยังมีชีวิตอยู่เรียกว่าชีวิตหลังความตาย และชีวิตหลังความตายก็มี2แบบเท่านั้นคือ
1.ชีวิตนิรันดร์คือไปอยู่ กับพระเจ้านมัสการและสรรเสริญพระเจ้าชั่วนิตย์นิรันดร์และมีชีวิตที่อาศัย อยู่บนสวรรค์ สวรรค์ในที่นี้เป็นสวรรค์ที่จะเคลื่อนลงมาอยู่บนแผ่นดินโลกหลังจากที่พระ เจ้าทรงพิพากษาโลกและสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งหมายถึงสิ่งเก่าๆหายไปสิ่งสิ่ง ใหม่เกิดขึ้นมาแทนเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ ให้ลองหลับตาดูน่ะครับ แล้วท่านจะรู้ว่าเหลืออะไรหลังจากที่พระเจ้าทรงพิพากษาโลก คำตอบคือไม่เหลืออะไรเลยมีแต่ความมืด นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างโลกของพระเจ้าครั้งใหม่อีกครั้งครับ
2. นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่มนุษย์จะนึกถึงครับ นั้นคือความตายนิรันดร์ ความตายนิรันดร์คือการถูกทิ้งลงสู่นรกบึงไฟชั่วนิรันดรไม่มีทางจะขึ้นมาได้ อีก ที่นั้นท่านจะไม่สามารถเจอพระเจ้าอีกเลย เป็นที่ๆพระเจ้าทรงทอดทิ้งอย่างแท้จริง พวกคนที่อยู่ในนั้นจะพบแต่บึงไฟ (บึงไฟขนาดใหญ่ที่จะบรรจุคนชั่วร้ายที่ตายแล้วบนโลกนี้และไฟจะลุกท่วมเผา ผลาญให้เจ็บปวดทุกข์ทนทรมานเหมือนตายแต่ท่านจะไม่ได้มันเป็นการลงโทษที่โหด ที่สุดแล้วครับสำหรับคนบาป) และที่สำคัญคนตายที่ลงไปแล้วจะไม่ได้ขึ้นมาอีกเลยซึ่งมันน่ากลัวมากๆท่านจะ ไม่มีโอกาสแก้ตัวเลยแม้ท่านจะอ้อนวอนขอความเมตตาขนาดไหนไม่ว่าน้ำตาท่านจะ เป็นสายเลือด ไม่ว่าเนื้อตัวท่านจะลุกเป็นไฟทุกข์ทรมานขนาดไหน พระเจ้าก็จะไม่ทรงสงสารท่านเลย แต่คนที่เข้าไปในนรกบึงไฟได้นี่ต้องเป็นคนชั่วร้ายสุดๆจริงๆ และคนทุกคนที่ไม่เชื่อการตายไถ่บาปของพระเจ้า และคนทุกคนที่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดถ้าเขาฆ่าตัวตายเขาจะถูกส่งไปนรกทันที และคนทุกคนที่ไม่กลับใจจากบาปที่ตนได้ทำลงไป อะไรบ้างที่คือการบาปก็คือทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เราทำไปแล้วผิดจากศีลธรรมอัน ดีที่พระเจ้าปราถนาให้ทำนั้นแหละครับ
ปล.ที่บอกไปไม่ใช่ให้รู้สึก กลัวน่ะครับ เพียงแต่อยากเตือนสติคนที่ทำบาปให้เลิกทำเสียเถิดครับ ฆ่าคน ขโมย เป็นพยานเท็จ โกหก ลามากอนาจาร ล่วงประเวณีผัวเมียชาวบ้าน รูปเคารพต่างๆ คนที่คิดอยากจะฆ่าตัวตาย ฯลฯ ไม่อย่างนั้น ถ้าเวลาที่ท่านอยู่บนโลกหมด ท่านจะต้องเสียใจในสิ่งที่ตนสมควรทำแต่ไม่ได้ทำน่ะครับ
พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่า
“ สัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน(1) ผู้ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่กันมาก่อนหาได้ยาก(2) บางชาติเกิดเป็นเทพ(เทวดา+พรหม) บางชาติเป็นมนุษย์ บางชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นเปรต/อสุรกาย บางชาติต้องตกนรก ต้องเวียนว่ายตาย-เกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญ ทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น(3)
......อ้างอิง...ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงการราชิวิทยาลัย (เล่มที่ / หน้าที่ )
1.พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๓
2. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ หน้า ๒๒๗
3. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ หน้าที่ ๓๕๐-๓๖๕
บทพิสูจน์
งาน วิจัยเรื่อง “ 20 ผู้กลับชาติมาเกิด” โดย Ian Stevenson, M.D. (ศาสตราจารย์ น.พ.เอียน สตีเวนสัน) มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย พิมพ์โดย อภิธรรมมูลนิธิ หน้าพุทธมณฑล อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม 73170
อ่านต้น ฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ : http://books.google.com/books?id=vIDES6VWl1MC&pg=PA181&dq=%22Stevenson%22+%22Twenty+Cases+Suggestive+of+Reincarnation%22+&sig=QORGdIeFDeRLJjtrmEqLZCnnW9Q#PPA184,M1
ถ้าไม่จริง เด็ก 2 ขวบ จะรู้จักชื่อของลูกเมีย ญาติพี่น้องของตนในชาติก่อนได้อย่าง โดยที่ ศาสตราจารย์ น.พ.เอียน สตีเวนสัน ได้นำเด็กคนนั้น...ไปหาญาติพี่น้องตามที่เด็กกล่าวอ้าง จนพบจริง ๆ ในประเทศบลาซิล มีอยู่ถึง 6 คน
ตัวอย่าง.... เข้าไปอ่านได้ที่ :
กลับชาติมาเกิด ของหนูนา (ชาติใหม่ คือ รำพึง ) : http://larnbuddhism.net/buddha/dead/
เด็กหญิงสำเนียง กลับชาติมาเกิดคือ“ปรานี(น้อย )สีเทา ” : http://www.mindcyber.com/content/data/7/0014-1.html
การระลึกชาติของ ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์ : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6111
ริชชี่ : http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539734&Ntype=40
ระลึกชาติ : http://topicstock.pantip.com/religious/...Y2421820.html
ฝรั่งระลึกชาติ : http://aaa.clearwisdom.net/emh/articles/2002/9/14/26486p.html
ดร.ฝรั่งระลึกชาติ : http://www.drsusanfisher.com/reading.html
พุทธธรรม : http://web.thaicool.com/data-1/story/kramma/kramma-3-5.htm