วิบากกรรม
เรามักจะพูดถึงคำว่า
กรรม อยู่เสมอส่วนมากมักจะพูดถึงในทางไม่ดี เช่น เคราะห์กรรม สุดแต่บุญ
กรรม และมักจะยอมรับและเข้าใจถึงเรื่องกรรม จนพูดกันเสมอว่า ทำความดีได้ดี ทำความชั่วได้ชั่ว ไม่มี
ศาสนาใดให้ความสำคัญเรื่องกรรมมากเท่ากับศาสนาพุทธ เป็นหัวใจของสัจธรรมข้อหนึ่ง แม้ว่าความเชื่อ
เรื่องกรรมนี้มีอยู่ ในลัทธิศาสนาอื่นก่อนพุทธศาสนา เช่น พราหมณ์ หรือฮินดู แต่ความหมายและ
รายละเอียดแตกต่างกัน พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตนเอง
รับมรดกหรือผลแห่งกรรมนั้น
มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นพวกพ้องเผ่าพันธ์
มีกรรมเป็นที่อาศัย
ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลอันนั้น ไม่ว่าดีว่าชั่ว จักต้องได้ผล แห่งกรรมนั้นแน่นอน
พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายเราขอบอกว่า เจตนาคือ กรรม เมื่อมีเจตนาแล้วคนเราก็ลง มือกระทำการด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ
เรื่องกรรมมีความละเอียดลึกซึ้ง ได้แบ่งตามทางที่กระทำ 3 ทาง คือ
กายกรรม ได้แก่ การกรทำทางกาย เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
วจีกร รมได้แก่ การกระทำทางวาจา เช่น พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด และพูด เพ้อเจ้อ
มโนกรรม ได้แก่ กรรมที่เกิดจากความคิด ได้แก่ โลภ โกรธ หลง
การคิดร้ายในใจ ทางพุทธศาสนา ถือว่าเป็น กรรม
การแบ่งกรรม นอกจากแบ่งตามวิธีการกระทำแล้ว ยังแบ่งตามประเภทหรือผลของกรรม ได้แก่
กรรมดี (
กุศลกรรม) กรรมชั่ว (
อกุศลกรรม)
ผลของการกระทำ เรียกว่า
วิบากกรรม เช่นเดียวกับการหว่านเมล็ดพืชย่อมได้ผลตามพืชที่หว่าน
หรือเปรียบเทียบรอยล้อเกวียนตามรอยเท้าโคไปตลอด ไม่ว่าจะเกิดผลอย่างดีหรือเลวมนุษย์เราก็ยังเกิดความ
ต้องการหรือความทะยานขึ้นมาใหม่ จึงทำกรรมต่อไปใหม่ เป็นกระบวนการต่อเนื่อง เป็นเหตุและผล ทาง
พุทธศาสนา เรียก
กรรมลิขิต เหตุที่ทำให้คนไม่ค่อยกลัวในการทำกรรมชั่วก็เพราะผลของกรรมบางที่ไม่ได้
เกิดทันที่ที่กระทำหรืออาจไม่เห็นผลทันในชาตินี้ หรือบางทีผลของกรรมเกิดขึ้นแต่เจ้าตัวไม่รู้หรือไม่
สามารถเอาไปเกี่ยวเนื่องกับกรรมที่ทำไป กรรมนี้เป็นสิ่งเฉพาะคนทางพุทธศาสนาถือว่าจะทำแทนกัน
หรือรับกรรมแทนกันไม่ได้ จะให้พระถ่ายบาปให้หลังจากทำบาปไม่ได้ ทางพุทธศาสนาให้มีการ
อโหสิกรรมกันได้ระหว่างผู้ทำกรรมไว้ต่อกัน เป็นการตกลงกันทั้งสองฝ่าย การแผ่เมตตาแก่สัตว์โลก และ
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ขออโหสิกรรมให้แก่ผู้ทำกรรมต่อเรา และขอให้ผู้ที่เราก่อกรรมไว้ได้อโหสิกรรม
ต่อเรา จะเป็นการตัดบ่วงกรรมถึงให้ผลของกรรมยุติลง มิฉะนั้นกรรมนั้นจะหมุนเวียนต่อไปไม่รู้จบ แต่มี
กรรมบางชนิดที่จะยกโทษหรืออโหสิกรรมกันไม่ได้ที่เรียกว่า
อนันตริยกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่รุนแรงที่สุด
ได้แก่ การฆ่า บิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายต่อพระพุทธองค์จนห้อพระโลหิต และยุแยงสงฆ์ให้แตกกัน
ชีวิตเราในปัจจุบันเป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดเดียว ในระยะทางอันยาวไกล กรรมดี กรรมชั่ว ที่ทำไว้ แต่ละ
ชาติ แต่ละภพ มีการสะสมเก็บไว้เพื่อเกิดผล ในภายหน้าไม่มีที่สิ้นสุดและจะไม่มีการหักลบกลบหนี้กัน
ระหว่างกรรมดีและกรรมชั่วที่ทำ ดังนั้น สิ่งที่ทำดีไว้ยังไม่บอกผล กรรมชั่วนี้ทำมาก่อนได้แสดงผลแล้ว จึง
ทำให้มีคนพูดว่า ทำดีได้ชั่ว และในทำนองกลับกันเห็นคนบางคนเป็นคนเลวทำแต่ความชั่ว คอรัปชั่น แต่ได้
เป็นรัฐมนตรีจึงเกิดคำพูดที่ว่า ทำชั่วได้ดีมีถมไป เป็นสิ่งที่เรารู้เห็นกันในยุคปัจจุบันทั้งนี้ไม่ใช่เพราะทำชั่ว
แล้วได้ดี แต่เป็นเพราะกรรมดีเก่าให้ผลอยู่ แต่จะไม่เป็นเช่นนี้ตลอดไปกรรมมีความยุติธรรมเสมอเพียงแต่
จะต้องรอเวลาและดูผลรวม
ทางศาสนาสอนไว้ว่า การทำดีแล้วได้ดีตอบนั้น ต้องพร้อมด้วยสมบัติ 4 ประการ คือ
มีคติธรรม คือ การดำเนินชีวิตที่ดี สิ่งแวดล้อมดี
มีอุปธิสมบัติ คือ มีร่างกายสมบูรณ์ดีหนึ่ง
มีกาลสมบัติ คือ มีกาลเวลาที่ถูกต้องหนึ่ง
มีปโยคะสมบัติ คือ มีการทำดีโดยสมบูรณ์ไม่บกพร่อง
ดังนั้น ผู้ที่รู้สึกว่าตนเองทำดีไม่ได้ดี ก็พึงพิจารณาว่าตนเองมีสมบัติทั้ง 4 พร้อมแล้วหรือไม่
โดยเฉพาะกาลสมบัติ
กรรมแรกที่ทำให้คนตายแล้วเกิด เรียกว่า
ชนกกรรม ซึ่งเป็นตัวจำแนกในเกิดในภพภูมิต่าง ๆ กัน
และถ้าเกิดเป็นมนุษย์ชนกกรรมจะเป็นตัวทำให้เกิดแตกต่างกัน
กรรมที่มีผลต่อชีวิตข้างหน้านั้น
ครุกรรม หรือกรรมหนัก มีอำนาจเหนือกรรมใด ๆ ทั้งสิ้นมีทั้งฝ่ายชั่วอย่างหนักได้แก่ทำร้ายพระอรหันต์ การฆ่าพ่อแม่ ยุแหย่สงฆ์ให้แตกกันมีแต่ตกนรกอย่างเดียว
อาสัณกรรม หรือกรรมที่ทำใกล้ตาย จะมีผลต่อการเกิดในชาติหน้าทุกศาสนาจึงให้นึกถึงพระคุณ
เจ้าฟังพระสวดมนต์ในเวลาจะสิ้นใจ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็สุดแต่ขณะดับยึดกับสิ่งนี้อยู่หรือไม่ ถ้าอยู่ได้ก็ได้ไปดี
อาจิณกรรม คือ กรรมที่กระทำสม่ำเสมอ มีอิทธิพลต่ำกว่าในการสร้างภพใหม่ซึ่งมีทั้ง กรรมดีและ
กรรมชั่ว เช่น คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยู่ทุกวัน แล้วเวลาอาสัณกรรมจะให้นึกถึงพระคงเป็นไปไม่ได้ยาก ควรจะต้องนึกถึงสิ่งที่ทำเสมอ
กตัตตากรรม คือ กรรมเล็กน้อย เป็นผลที่มีผลน้อยที่สุด
ดังนั้นในเวลาคนที่จะสิ้นลมจึงมีความสำคัญ ต้องทำจิตใจให้กุศลเข้ามาหา นึกแต่สิ่งดี ๆ ที่เป็นกุศล
เพื่อให้ชนกกรรมนำไปสร้างภพสร้างชาติที่ดีต่อไป
คนที่ไปทำพิธีกรรม แก้กรรม เคยมีผู้สงสัยว่า แก้กรรมได้หรือไม่ คำตอบมีทั้งได้และไม่ได้ ที่ไม่ได้
คือ อนันตริยกรรมดังกล่าวแล้ว และคู่กรรมเขาไม่อโหสิกรรมให้แก้อย่างไรก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเรา
ไม่รู้ว่าเคยทำบาปทำกรรมอะไรบ้าง ดังนั้นตั้งใจแต่ทำกรรมดี และเวลาทำบุญกุศลครั้งใดก็ให้ตั้งจิตแผ่กุศล
นั้นให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย และสัตว์ทั้งหลายโดยไม่มีประมาณให้เขา ส่วนเขาจะอโหสิกรรมให้หรือไม่
ก็เป็นเรื่องวิบากกรรมที่เราต้องรับอยู่แล้ว
ผลของกรรม แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ
1.
ระดับภายในจิตใจ ร่างกายทำให้เกิดผล ภายในจิตใจ มีการสั่งสมคุณสมบัติ คือ กุศลกรรม และ
อกุศลกรรม คุณภาพและสมรรถภาพของจิต มีอิทธิพลปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิด ความโน้มเอียง ความนิยม ชมชอบ และความสุข ความทุกข์ เป็นต้น
2.
ระดับบุคลิกภาพ ทำให้เกิดผลในด้านการสร้างเสริมนิสัย ปรุงแต่งลักษณะ และความประพฤติ
การแสดงออก ท่าที การวางตน การปรับตัว การตอบสนอง การเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนอื่น และต่อ สถานการณ์ หรือสภาพแวดล้อมทั่ว ๆ ไป
3.
ระดับวิถีชีวิตของบุคคล ทำให้เกิด ความสงบ ความเจริญ ความล้มเหลว ความสำเร็จ ลาภ ยศ สุข
สรรเสริญ และความสูญเสียต่าง ๆ ที่ตรงข้าม ความเป็นไปในชีวิตของบุคคล ทำให้ประสบสิ่งที่น่าปรารถนา และไม่น่า ปรารถนา ซึ่งรวมเรียกว่า โลกกรรมทั้งหลาย
4.
ระดับสังคม มีผลต่อความเป็นไปของสังคม เช่น ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ความทุกข์ยาก
เดือนร้อน ของคนในสังคม รวมทั้งมาตรการที่ระบุกระทำสภาพแวดล้อม อื่น ๆ แล้ว ย้อนกลับมาหาตัว
มนุษย์เอง
ผลของกรรมที่ปรากฏใน จูฬกัมมวิสังคสูตร
1.
สตรีหรือบุรุษที่มักทำปาณาติบาท เป็นคนเหี้ยมโหด ไร้เมตตาการุณย์ ตายไป ตกนรก ถ้าเกิด
เป็นมนุษย์จะอายุสั้น
สตรีหรือบุรุษที่ละเว้นปาณาติบาท เป็นคนมีเมตตาการุณย์ เกื้อกูลสรรพสัตว์ ตายไป ได้ขึ้น
สวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จะมีอายุยืน
2.
สตรีหรือบุรุษ ที่ชอบเบียดเบียนทำร้ายสัตว์ ตายไปตกนรก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นคน ขี้โรค
สตรีหรือบุรุษที่ไม่ชอบเบียดเบียนทำร้ายสัตว์ ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จะมีสุขภาพดี
3.
สตรีหรือบุรุษที่ชอบโกรธ เคียดแค้นง่าย พยาบาท ตายไป ตกนรก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ผิวพรรณ
จะไม่สวยงามสตรีหรือบุรุษที่ไม่โกรธ เคียดแค้นง่าย ไม่ผูกพยาบาท ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าเกิด
เป็นมนุษย์จะมีรูปร่างงดงาม
4.
สตรีหรือบุรุษ ที่จิตใจริษยา เห็นคนได้ลาภไม่พอใจ ตายไป ตกนรก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ มี
การศึกษาน้อย ไม่ค่อยมีอำนาจสตรีหรือบุรุษที่ไม่ริษยา เห็นคนได้ลาภพึงพอใจ ตายไป ได้ขึ้น
สวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์มีเดชมีอำนาจมาก
5.
สตรีหรือบุรุษไม่บำเพ็ญทาน ไม่ปันข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ตายไปตกนรก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์จะมี
โภคะน้อยสตรีหรือบุรุษบำเพ็ญทาน ปันข้าว น้ำ ผ้านุ่งห่ม ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์มีโภคะมาก
6.
สตรีหรือบุรุษแข็งกระด้าง เย่อหยิ่ง ชอบดูถูกคน ไม่เคารพนับถือกราบไหว้ผู้ใหญ่ พระสงฆ์ ตาย
ไป ตกนรก ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ มีตระกูลต่ำ สตรีหรือบุรุษไม่เป็นคนแข็งกระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ไม่ดู ถูกคน เคารพนับถือกราบไหว้ผู้ใหญ่ พระสงฆ์ ตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ มีตระกูลสูง
7.
สตรีหรือบุรุษ ไม่เข้าหาไม่สอบถามสมณะ / พราหม์ ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรมีโทษ ไม่มีโทษ
อะไรควรปฏิบัติ ไม่ควรปฏิบัติ อะไรทำเกิดทุกข์ อะไรทำเพื่อประโยชน์ ตายไป ตกนรก ถ้าเกิด เป็นมนุษย์ มีปัญญาน้อย สตรีหรือบุรุษ เข้าหาสอบถามสมณะ / พราหม์ ว่าอะไรดี อะไรชั่วอะไรมีโทษ ไม่มีโทษ อะไรควรปฏิบัติ ไม่ควรปฏิบัติ อะไรทำเกิดทุกข์ อะไรทำเพื่อประโยชน์ตายไป ได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ เป็นคนมีปัญญามาก
************************
มารมี 5 ฝูงคือ
1. กิเลสมาร ได้แก่ โลภ โกรธ หลง ที่คอยมาบังคับเรา ให้เราสร้างกรรม ใครมีพละ 5 อ่อนก็เสร็จ (ใครมีภูมิต้านทานน้อยก็เสร็จ)
2. ขันธมาร ได้แก่ ร่างกายของเราที่เดี๋ยวก็แก่ ก็เจ็บ ปวดเมื่อยต่างๆ เป็นอุปสรรคขัดขวางเราเอง
3. เทวบุตรมาร ได้แก่ ผู้ที่ขัดขวางเราในการทำความดี
4. มัจจุมาร ได้แก่ ความตาย
5. อภิสังขารมาร ได้แก่ วิบากกรรมที่เรากระทำไว้ มาให้ผลขัดขวางความสุขและความสำเร็จของเรา
จะเห็นว่า วิบากกรรมที่เราได้รับ นั่นก็คือ มารประเภทหนึ่งที่เรียกว่า อภิสังขารมารนั่นเอง (มันก็คือกันแหละเด้อ)
ที่ นี้แน่นอนเวลาที่วิบากกรรมส่งผล ย่อมเกิดอุปสรรคนานับประการ แต่ก็ประกอบกับความที่มนุษย์เราใจร้อน อยากพ้นอุปสรรคเร็วๆ จึงทำให้บางครั้งรู้สึกว่า บุญมาช่วยช้าเหลือเกิน เมื่อไหร่จะหมดอุปสรรคเสียที
หลวงพ่อทัตตะท่านมักจะสอนให้ใจเย็นๆ ให้นึกถึงการทำความดีเหมือนการปลูกกล้วย ปลูกวันนี้พรุ่งนี้ได้กินกล้วยหรือไม่ คำตอบคือไม่ได้
อย่าง นี้ไม่ได้ผลอะไรเลยหรือ ได้ผลสิ ได้ความสบายใจไงล่ะ เป็นเบื้องแรก ว่าเราได้เริ่มปลูกกล้วยแล้ว ปีต่อๆไป เรามีกล้วยกินแน่ เราไม่ประมาทแล้ว เป็นต้น
ผ่านไปหลายเดือน ได้กล้วยหรือยัง ยังได้แต่ใบตอง ต้องผ่านไปเป็นปี จึงจะได้กล้วย นี่เรื่องกล้วยๆ ยังต้องรอเป็นปี แล้วเรื่องทำความดี จะให้ได้ผลสมบูรณ์โดยเร็วโดยไม่ต้องรอได้อย่างไร
ครอบครัวมีแต่ปัญหา เกิดจากกรรม (สิ่งใดสิ่งหนึ่งดังนี้)
1. เคยทำแท้งไหม
2. ไม่ทำบุญให้บรรพบุรุษไหม
3. ไม่เข้าใจครอบครัว สามี ลูกหรือเปล่า
4. เคยผิดศีลกาเม ในชาติก่อนและชาตินี้ไหม
5. ทำผิดต่อเจ้าที่เจ้าทางไหม
วิธีแก้กรรม
1. นิมนต์พระเลี้ยงทำบุญบ้าน วันเกิด สวดชะยันโต ขอพร ประพรมน้ำมนต์ให้ครอบครัว อยู่เย็นเป็นสุข และถวายสังฆทานสวดอุทิศให้ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิกรรมและช่วยครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
2. ไปถวายผ้าบังสุกุลอุทิศให้บรรพบุรุษให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุหรือทำบุญให้บรรพบุรุษให้ได้รับกุศล
3. เคยบอกรักสามีและลูกบ้างไหม ทำซะ จะทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าเรารัก
4. สวดมนต์ทุกวันเกิดตนเอง ขอพรเทพประจำตัวให้คุ้มครองครอบครัวให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
5. กราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางด้วย อาหารคาวหวานชุดใหญ่ แก่พระภูมิเจ้าที่ให้ได้รับและขอพรให้อำนวยโชคลาภความร่มเย็นเป็นสุขให้ครอบ ครัวท่าน
กรรม....เสียเงินตลอด เกิดจากกรรม
1. เคยเอาเงินเขามาในชาติอดีตแล้วไม่คืน
2. ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยแพง
3. โกงคนในชาติปัจจุบัน
4. ทำแท้ง
5. ยุยงให้คนเสียเงิน โดยรู้ว่าผิดก็ให้ทำ
วิธีแก้กรรม
1. พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทุกวันเกิด ให้ผู้ที่เคยล่วงเกินกันมาตั้งแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ ให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2. หากมีคนที่ล่วงเกินยังมีชีวิตอยู่ หาเงินไปคืนและขออโหสิกรรมซะเพื่อชีวิตเราจะได้ดีขึ้นต่อไป
3. ตักบาตร วันโกนอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณเด็กที่ตามมาให้ได้รับกุศล และเปิดทางให้ชีวิตดีขึ้น
4. ทำกุศลกับผู้มีพระคุณและช่วยคนไว้ เพื่อยามทุกข์ยากจะได้มีคนมาเหลียวแล และดูแลเราบ้าง
5. สวดมนต์ทุกวันเกิด และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
กรรมต้องสะเดาะเคราะห์ เกิดจากกรรม
1. ชอบทำร้ายคนต่ำกว่าให้ทุกข์ทรมาน
2. ป่วยหนัก ฆ่าสัตว์ไว้ ผิดศีลข้อ 1
วิธีแก้กรรม
1. กินเจ 7 วัน อุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ
2. ตักบาตรให้ครบตามปีที่เข้าเสวยอายุ
3. ไหว้พระให้ครบ 7 วัน 7 วา ล้างเคราะห์ได้
4. ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ตามกำลังวันเกิดตนเอง จนครบ 1 ปี เคราะห์จะกลายเป็นดี
5. ขอพรพระที่ตนนับถือ ไปที่วัด ไปขอพรท่านให้พ้นเคราะห์พ้นโศกและช่วยให้ชีวิตก็จะดีขึ้น
กรรมคู่ไม่ดี เกิดจากกรรม
1. เคยเป็นชู้กับผู้อื่นไว้ ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
2. ทำร้ายจิตใจคู่ตนเองไว้
3. ทำร้ายร่างกายโดยตนเองอยากทำ เพราะหึงหวงให้เขาเจ็บปวด
4. ผิดศีลกาเม
5. ยุยงผู้อื่นให้เลิกกัน
วิธีแก้กรรม
1. ตั้งสัจจะว่าจะไม่แย่งผัวคนอื่น มาเป็นของตนเอง
2. หมั่นถวายเทียนคู่ในวันเกิดตนเองปีละครั้ง ขอเสริมดวงชีวิตคู่ให้พบแสงสว่างในชีวิตคู่ที่ดี โดยไปกับแผนและอธิษฐานขอพร
3. ถวายสังฆทานในวันเกิด เพื่อขอพรให้สมหวังด้านชีวิตคู่ และอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรและคู่ชีวิตที่เคยล่วงเกินไว้ทั้ง อดีตชาติและปัจจุบันชาติให้ได้รับกุศล และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
4. บริจาคทรัพย์ให้กับคู่แต่งงานในงานแต่งงาน เพื่อส่งเสริมให้เขาสมหวังในความรัก และตนเองก็จะได้บุญต่อไป
5. ไกล่เกลี่ยคู่สามี-ภรรยา ที่ทะเลาะกันแยกทางกัน ให้มารู้สึกดีต่อกัน จะได้บุญด้านธรรมทางด้านชีวิตคู่
กรรมเป็นเมียน้อย เกิดจากกรรม
1. เคยผิดลูกผิดเมียเขามาในชาติก่อน
2. ผิดศีลกาเม
3. เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
4. ขืนใจเขาโดยเขาไม่ยินยอม
เมียน้อยมี 3 ประเภท
1. เมียน้อย ผัวดี ช่วยเหลือ เกิดจากเคยทำบุญใหญ่ ช่วยเหลือคนและครอบครัวมามาก และอธิษฐานจิตมาเจอกัน แม้ไม่ได้เป็นเมีย 1 แต่เป็นเมีย 2 ที่ถูกต้อง เพราะกุศลนำพามาเจอ จึงทำให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ผิด ไม่บาป
2. เมียน้อย ผัวร้าง แต่ไม่หยุดที่เขา ทำให้เป็นโดยขำยอมเพราะกรรมเก่าที่เคยทำไว้ จึงต้องรับภาระเพราะทั้งรัก ทั้งเจ็บ กรรมนี้อยู่ในการเคยขืนใจเขาไว้ แต่พอมาชาตินี้จึงต้องตกอยู่ในภาระจำยอมเจ็บ เพราะรักเขา
3. เมียเก็บ ผัวบังคับ แต่ส่งเสีย เกิดจากกรรมที่เคยผิดลูกผิดเมียเขาไว้ จึงต้องทุกข์ใจ แต่สบายกาย
วิธีแก้กรรม
1. ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้ รับกุศลและอโหสิกรรม
2. ถือศีล 5 ให้ได้ 1 ปี ต่อ 1 เดือน จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
3. ถวายธงคู่ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น
3. บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น
5. ร่วมเป็นเจ้าภาพ งานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้น และสมหวัง และสวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป
กรรม ทุกข์ใจเพราะญาติพี่น้องและสามี เกิดจากกรรม
1. เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน
2. เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
3. เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
วิธีแก้กรรม
1. ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น
2. ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณ มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยว ได้
3. นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
กรรมเป็นอัมพฤกษ์ เกิดจากกรรม
1. ฆ่าสัตว์
2. ทรมานสัตว์
3. ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
วิธีแก้กรรม
1. ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติรวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2. ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม
3. ถวายยาเข้าวัด หรือช่วยเหลือคนป่วย
กรรมเป็นมะเร็ง เกิดจากกรรม
1. เคยฆ่าสัตว์ หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาก่อน จึงส่งผลให้มีสุขภาพที่รักษาไม่ได้
2. มีจิตใจเหี้ยมโหดมาตั้งแต่อดีตชาติ โดยสั่งฆ่าคนและทำร้ายคนให้เจ็บปางตาย
3. ทำแท้งมากมาย
4. เบียดเบียนเงินคนมากมาย บนความทุกข์คนอื่นในอดีตชาติ
วิธีแก้กรรม
1. ต้องทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
2. สร้างพระถวายให้เจ้ากรรมนายเวร
3. ให้มาสัมผัสจิตกับพระแม่อุมาเทวีโดยตรง
กรรมลูกไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง เกิดจากกรรม
1. ทำแท้ง
2. เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
วิธีแก้กรรม
1. บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง
2. พาลูกไปหาหลวงปู่ ให้เทศน์สอน
3. ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง
กรรมค้าขายขาดทุน เกิดจากกรรม
1. ไม่รู้เชี่ยวชาญในงานที่ทำ และไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
2. ทำแท้ง
3. ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้
4. ตั้งสัจจะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะทำบุญเท่านั้น แต่พอทำจริงทำน้อยนิดผิดสัญญาเป็นกรรม
กรรมเกิดมาไม่สวย เกิดจากกรรม
1. ทำอะไรลวกๆ กับพระ พ่อแม่
2. ชอบว่าผู้อื่น และทำร้ายสัตว์
3. ถวายดอกไม้แห้ง-เหี่ยว
แก้วิบากกรรม
1. หมั่นถวาย ดอกไม้หอม พวงมาลัย ไม่เวียนต่อพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์ เทพด้วยกิริยาที่ตั้งใจ
2. ไม่ลบหลู่ ผู้มีพระคุณ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
3. บริจาคน้ำมันตะเกียง ขอแสงสว่างด้านความงาม
กรรมมีกลิ่นตัวเหม็นตลอด เกิดจากกรรม
1. ชาติก่อนชอบดูถูกคนอื่น
2. ชาติก่อนชอบคิดอิจฉาริษยาผู้อื่น
วิธีแก้วิบากกรรม
1. ต้องรู้จัก เห็นผู้อื่นได้ดี พลอยยินดีไปด้วย
2. หมั่นถวายของหอม ดอกไม้ไม่ให้ขาด
กรรมเกิดมาโง่ เกิดจากกรรม
1. ดูถูกผู้ที่หมั่นหาความรู้ และชักชวนไปทำผิด
2. ไม่ขยันหมั่นเพียรศึกษาหาความรู้ แต่ทำตัวมั่วสุมในทางผิด
แก้วิบากกรรม
1. หมั่นทำบุญด้านหนังสือธรรมมะ หรือพิมพ์บทสวดมนต์แจก
2. ให้ถวาย หลอดไฟฟ้า เพราะกุศลจะส่งผลให้ตนเองมีปัญญาแจ้งแดงตลอดในงานนั้น ถวายในวันเกิดข้างขึ้น 7-15 ค่ำ เจริญขึ้น
3. หมั่นสวดมนต์ทุกวัน
4. หมั่นกตัญญูต่อความถูกต้อง และมีวิริยะมากขึ้น
กรรมมีบริวารไม่ดี เกิดจากกรรม
1. ไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และคนใกล้ชิดในชาติก่อน
2. เคยให้ร้ายคนอื่นไว้ก่อน เมื่ออดีตชาติ
3. ไม่ช่วยเหลือส่วนรวม
แก้วิบากกรรม
1. หมั่นทำบุญโดย ให้ทาน กับบุคคลที่ใกล้ตัว และหมั่นชักชวนบุคคลอื่นทำบุญร่วมกัน เกิดชาตินั้นฉันใดจะมีบริวารมากมาย
2. ให้ร่วมทำบุญด้าน บวชนาคหมู่ หรือสามเณรภาคฤดูร้อน จะทำให้พ้นทุกข์และมีบริวารที่ดี อยู่ในศีลธรรม
3. หมั่นกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
กรรมให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง เกิดจากกรรม
1. ฆ่าสัตว์ไว้เยอะ
2. เห็นคนเป็นอันตราย ก็พลอยสมน้ำหน้า
3. จิตใจอาฆาต คอยแช่งบุคคลอื่นเสมอ
4. ทำแท้ง ฆ่าคนมาก่อน
แก้วิบากกรรม
1. สร้างประตูวัด ป้องกันอันตรายให้ตนเอง ทำวันเกิดตนเองจะทำให้แคล้วคลาดอันตรายได้
2. มีหิริ โอตัปปะ ในจิตใจ
3. สวดมนต์คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทุกวันเกิด 3 จบ
4. ตักบาตรทุกวันเกิด อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรม
กรรมเจอแต่คนเอาเปรียบ เกิดจากกรรม
1. เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ
2. เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ
3. ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
แก้วิบากกรรม
1. หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น
2. ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย
3. หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆ เข้ามาในชีวิต
กรรมไม่มีลาภลอย เกิดจากกรรม
1. ไม่เคยทำบุญเกินจิตที่ตั้งไว้ และเวลาบริจาคเสียดายทรัพย์ทั้งทั้งที่ตนมีเงินมากมาย เกิดความตระหนี่แบบไม่ให้ทานอย่างเต็มใจ
2. ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ และยังอยากโลภได้เงินมากๆ โดยมิชอบ
แก้วิบากกรรม
1. ตั้งจิตทำบุญ ทำกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจ และตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือศาสนาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
2. หมั่นทำบุญใหญ่ ขอพรด้านลาภลอย
3. ให้ฝังลูกนิมิตร ปีละครั้ง อธิษฐานขอพรจะทำให้สมหวังในจิตที่ขอ
การออกกรรม
กรรม คือ การกระทำ หากทำกรรมไม่ดีก็ทำให้ทุกข์ทรมาน การออกกรรมทำให้รู้กรรมและแก้กรรมได้ ทุกข์จากกรรมที่ตนเคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ยังผลให้ตนเองได้รับวิบากนั้น ทำให้ชีวิตทุกข์ต่างๆ การออกจากกรรมนั้น เป็นการแสดงอาการกรรมให้รู้ เพื่อแก้ไขมิใช่ให้ยึดติด เพราะจะทำให้จิตไม่ตัดกรรม ฉะนั้นเมื่อรู้กรรม ควรทำกุศลในทางที่ถูกต้อง เพื่อชีวิตที่จะดีขึ้นต่อไป
วิธีออกกรรม
นั่งสมาธิ บริกรรมยุบ พอง เป็นอาการเร่งกรรมให้แสดงออก ควรมีพระผู้รู้กำกับจะทำให้ไม่บ้า และส่งกุศลได้ถูกต้อง ดวงจิตที่มืดก็เปิดสว่างได้ บุญก็เกิด เช่น เคยฆ่าปลา-ควรทำสังฆทานอุทิศให้ทุกเดือนติดกัน 1 ปี (กรรมป่วยบ่อย) จะทำให้คุณดีขึ้น
เคยทำร้ายผู้มีพระคุณ-ควรขอขมาผู้มีพระคุณ และขอพรทุกปี ทำให้ (กรรมโดนกด) วันสำคัญทุกปี เคยด่าคนไว้-หมั่นตักบาตรทุกวันเกิดตนเอง อุทิศให้เจ้ากรรม (กรรมเป็นโรคลม) นายเวร อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
**ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป
**สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้--เพราะถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์
**ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเอง--เพราะเครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย
**ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นง่าย--หากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ
**มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน
**มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน
**มีอาหารกินอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน
**ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย
**มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้
**มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา
**มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม
**มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า
**มีภรรยาดีมีมารยาทพร้อมเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน
**สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป
**มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า
**ไม่มีพ่อมีแม่เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา
**มีลูกหลานแยะเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบปล่อยนกปล่อยปลา
**เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น
**ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน
**ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต
**ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
**ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา
**ชาตินี้เป็นหม้ายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี
**ชาตินี้เป็นทาสเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณคนอื่น
**ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันเติมตะเกียงบูชาพระ
**ชาตินี้มีตาบอดเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก
**ชาตินี้มีปากแหว่งเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น
**ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนปากร้ายชอบด่าพ่อแม่
**ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไว้พระ
**ชาตินี้มืองอแขนคดเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่
**ชาตินี้ขาเป๋ตีนแปเพราะหตุใด--เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน
**ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนเป็นหนี้เขาแล้วไม่ใช้คืน
**ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา
**ชาตินี้มีโรคมากเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนดีใจที่เห็นผู้อื่นเคราะห์ร้าย
**ชาตินี้สุขภาพดีเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรคผู้อื่น
**ชาตินี้ต้องติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนเห็นคนตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ
**ชาตินี้ต้องอดอาหารตายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน
**ชาตินี้ต้องถูกเขาวางยาเบื่อตายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง
**ชาตินี้โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำลายผู้อื่น
**ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยามดูแคลนคนรับใช้
**ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนคอยปลุกปั่นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน
**ชาตินี้หูหนวกเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนฟังธรรมแล้วไม่เชื่อถือ
**ชาตินี้เป็นผีหนองเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนทารุณสัตว์
**ชาตินี้ตัวมีกลิ่นเหม็นเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น
**ชาตินี้ต้องแขวนคอตายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนทำลายเขาเพื่อประโยชน์ตน
**ชาตินี้เป็นหม้ายหรือโดดเดี่ยวเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนไม่รักลูกรักภรรยา
**ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช
**ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด--เพราะชาติก่อนชอบก่อศัตรูคู่อาฆาต
**สรรพกรรมที่ก่อไว้กรรมตามสนอง--ต้องตกนรกได้รับทุกข์ทรมานจะโทษใครเล่า
**อย่าพูดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีใครเห็น--กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกกับลูกหลาน
**ถ้าไม่ศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่รีบทำทาน--ก็จงดูบุคคลที่มีบุญวาสนาซิ
**เพราะเขาทำบุญไว้ตั้งแต่ชาติก่อน ชาตินี้บุญจึงตอบสนอง--แม้ปัจจุบันสั่งสมบุญกุศล บุญนั้นก็จะคุ้มครองถึงบุตรหลาน
**หากใครกล่าวร้ายเรื่องกฎแห่งกรรม--ชาติหน้าก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอีก (เกิดอยู่ในอบายภูมิ)
**หากเชื่อถือยึดมั่นในกฎแห่งกรรม--ความเจริญมั่งมีศรีสุข ก็จะมาเยือนถึงบ้าน
**หากใครคอยแนะนำเผยแพร่เรื่องกฎแห่งกรรม--ก็จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นชั่วลูกชั่วหลาน
**หากใครยึดมั่นในกฎแห่งกรรม--ฆาตเคราะห์ภัยพิบัติจะอยู่ห่างไกลตัว
**หากใครเที่ยวบรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม--ทุก ๆ ชาติจะเป็นบุคคลมีปัญญาเลิศ
**หากใครหมั่นสวดมนต์ในเรื่องกฎแห่งกรรม--ชาติหน้าไปถึงไหนก็มีแต่คนนับถือ
**หากใครพิมพ์หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรมแจก--ชาติหน้าจะมีกายมงคลรุ่งโรจน์
**หากจะถามเรื่องกฎแห่งกรรมของชาติก่อน--ควรศึกษาเรื่องราวของพระกัสสปพุทธเจ้าที่มีรัศมีแวววาว
**หากจะถามถึงเหตุผลของชาติหน้า--ก็ให้ดูพวกที่กล่าวร้ายพระธรรมในเมืองนรก
**หากว่าเหตุแห่งกรรมไม่มีการตอบสนอง--ก็ให้อ่านเรื่องพระโมคคัลลาน์ช่วยมารดาในเมืองนรก
**หากบุคคลใดก็ตามที่ยึดมั่นในกฎแห่งกรรม--ก็จะได้ไปเกิดในสุขาวดีแดนพุทธเกษตร
**เรื่องกฎแห่งกรรมในสามโลกนี้พูดกันไม่จบ--สวรรค์ไม่เคยขาดคนจิตกุศล
**ในพระรัตนตรัยเป็นแก้ววิเศษ--รู้จักสละบ้างผลได้รับเหลือคณานับ
**เหมือนดั่งสะสมอริยทรัพย์ไว้ในเซฟที่มั่นคง--จะได้รับผลประโยชน์ทุก ๆ ชาติไป
**หากถามเรื่องชาติปางก่อน--ก็ให้ดูผลที่ได้รับในปัจจุบัน
**หากจะถามเรื่องชาติหน้า--ก็ให้ดูสิ่งที่กระทำในปัจจุบัน