เรื่องนิทานทศชาตินี้เป็นเสมือนคู่มือมนุษย์ที่มิได้มีรูปแบบเป็นอย่าง หนังสือธรรมะทั่วไป หากแต่ปรากฏในรูปแบบนิทานที่เล่าถึงเรื่องราวต่างๆ อย่างมีกุศโลบายอันลึกซึ้ง ด้วยหวังจะให้ข้อคิดและคติเตือน-ใจต่างๆ แก่ผู้อ่าน การเขียนเรื่องราวที่นำมาจากคัมภีร์มหานิบาตชาดกจึงมีการปรับแต่งให้ปรากฏ เป็นสำนวนที่อ่านกันได้ง่ายๆ สำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่านและได้ทั้งแนวคิดไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันให้มี ประโยชน์ตามสมควรแก้ว สุพรรโณ
โอวาทเป็นคติสอนใจให้คนปฏิบัติเล่มนี้ข้าพเจ้าได้อ่านพบอยู่ในหนังสือ โหราศาสตร์ของจีนโบราณ ทำให้ระลึกถึงคำพูดที่ว่า "โหวงเฮ้งเปลี่ยนไปตามใจคน เมื่อคนเรามีจิตใจดีงาม สีหน้าก็จะผ่องใสมีสง่าราศี ความเจิรญรุ่งเรือง โชคลาภ วาสนา ความสุขก็จะเข้ามาหา แต่ถ้าบุคคลใดมีจิตใจชั่วช้า ต่ำทราม ใบหญ้าก็จะหมองคล้ำ หมดสิ้นสง่าราศี ชีวิตก็จะตกต่ำอับโชคอยู่ร่ำไป" บรรดานักปราชญ์ผู้รู้ทั้งหลายต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า"พรหมลิขิตโชค ชะตากำหนดได้ก็แต่ชีวิตของผู่ที่ไมรู้จักบำเพ็ญคุณงามความดีเท่านั้น"นั่น ย่อมแสดงว่า สุข-ทุกข์-ดี-ชั่วรุ่งเรืองหรือตกต่ำในชีวิตล้วนมีมนุษย์เราเป็นผู้กำหนดเอง ทั้งสิ้น ฉะนั้นข้าพเจ้าหวังว่าผู้ที่ได้อ่านโอวาท"บรรพชนฝากไว้ให้ลูกหลานเล่มนี้ อย่างตั้งใจ แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิต บุคคลผู้นั้นย่อมต้องประสบแต่ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน. ...
ฉุนหยีอี้รับราชการอยู่ที่เมืองซันตง ครั้งหนึ่งเขาได้กระทำผิดกฏหมายโดยไม่ตั้งใจ จึงถูกจับไปเมืองหลวงเพื่อรับโทษ ฉุนหยีอี้มีบุตรสาวห้าคน ตอนที่เขาจะจากบ้าน ลูกสาวทุกคนต่างร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมให้เขาไป ฉุนหยีอี้กล่าวว่า “เสียดายที่พ่อม่แต่ลูกสาว เวลามีเรื่องเดือดร้อนจึงไม่มีสักคนช่วยได้” ถีหยิงเป็นบุตรตรีคนสุดท้อง แม้อายุยังน้อยแต่เฉลียวฉลาดมาก เธออ้อนวอนขอติดตามบิดาไปเมืองหลวงด้วย เมื่อถึงเมืองหลวงฉางอัน ถีหยิงได้ถวายฏีกาต่อพระเจ้าฮั่นเหวินตี้ ซึ่งใจความสำคัญมีว่า บุคคลคนหนึ่งเมื่อตายแล้วไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้ ร่างกายเมื่อได้รับบาดเจ็บพิการก็ไม่สามารถคืนสู่สภาพเดิมได้ ขณะนี้บิดาของเธอกำลังจะถูกลงอาญาแผ่นดินเธอยินดีถวายตัวเป็นข้ารับใช้ เพื่อรับโทษแทนบิดา ขอเพียงให้ทางราชสำนักอภัยโทษแก่บิดาของเธอ เมื่อพระเจ้าฮั่นเหวินตี้อ่านฏีกาแล้ว รู้สึกชื่นชมในความกตัญญูของถีหยิงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่อภัยโทษแก่ฉุนหยีอี้เท่านั้น ยังประกาศยกเลิกกฏหมายการลงโทษด้วยการเชือดเนื้อเฉือนหนังตัดแขนตัดขาอีก ด้วย ...
นายหลูเป็นชายยากจนเที่ยวพเนจรไปทั่ว วันหนึ่งได้พบกับนักพรตลื่อ นักพรตลื่อได้ให้หมอนลูกหนึ่งแก่นายหลู นายหลูจึงเอาไปหนุนศีรษะนอน ขณะนั้น ณ ที่ไม่ห่างนัก มีคนกำลังนึ่งข้าวเหนียวอยู่ นายหลูฝันว่าได้แต่งงานกับสาวสวยชื่อ นางชุย หลังจากแต่งงานแล้วก็สอบได้จอหงวน ได้ตำแหน่งเป็นขุนนางชั้นสูง มีบุตรชายห้าคนล้วนแต่รับราชการต่อมาฮ่องเต้ให้เขานำทหารไปตีเมืองอื่นจนได้ ชัยชนะกลับมา ด้วยความดีความชอบมากจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดี มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง มีชื่อเสียงเกียรติยศยากที่จะหาคนเทียบในแผ่นดินตั้งแต่เขาแต่งงานกับนางชุ ยจนกระทั่งแก่ ตลอดชีวิตมั่งมีศรีสุขกินใช้ไม่หมด อยู่จนอายุ 80 ปี แก่ชราไร้เรี่ยวแรงดังไม่ใกล้ฝั่งทันใดเขาก็ตกใจตื่น ตอนนั้นข้าวเหนียวที่คนนึ่งยังไม่สุก แต่เขาได้พบผ่านชีวิตอันยาวนาน มั้ทั้งรุ่งเรืองและเสื่อม ...